บทละครรามเกียรติ์สมัยกรุงศรีอยุธยา
1. รามเกียรติ์คำฉันท์ รามเกียรติ์สำนวนนี้มีกล่าวไว้ในหนังสือจินดามณีของพระโหราธิบดีในสมัยสมเด็จ พระนารายณ์มหาราชเข้าใจว่า พระโหราธิบดีคงจะหยิบยกมาจากคำพากย์ของเก่าที่แต่งไว้สำหรับเล่นโขนหรือเล่นหนังซึ่งแต่งไว้เป็นเรื่องราวแต่ได้สูญหายไปแล้วคงเหลือ ที่นำมาเป็นตัวอย่างในหนังสือจินดามณี 3 - 4 บทเท่านั้น
2. รามเกียรติ์คำพากย์ รามเกียรติ์สำนวนนี้หอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากรได้แบ่งตีพิมพ์ไว้เป็นภาค โดยมีเนื้อเรื่องติดต่อกันไปตั้งแต่ภาค 2 ตอน “ สีดาหาย” ไปจนถึงภาค 9 ตอน “ กุมภกรรณล้ม ”เข้าใจว่าคำพากย์เหล่านี้แต่เดิมใช้เล่นหนังต่อมาภายหลังได้มีผู้นำมาใช้เล่นโขนด้วย
3. รามเกียรติ์บทละครครั้งกรุงเก่า สำนวนนี้กล่าวความตั้งแต่ตอน “ พระรามประชุมพล ” จนถึง “ องคตสื่อสาร ” บทละครนี้ไม่เคยตีพิมพ์ออกเผยแพร่เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับรามเกียรติ์บทละครในรัชกาลที่ 1 จะเห็นว่ามีเนื้อความไม่ตรงกันในบางแห่งบางตอน และถ้อยคำในบทละครก็ดูไม่เหมาะสมจึงเข้าใจว่าน่าจะเป็นบทละครรามเกียรติ์ฉบับเชลยศักดิ์ที่เจ้าของละครคนใดคนหนึ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยาคัดลอกไว้
บทละครรามเกียรติ์สมัยกรุงธนบุรี รามเกียรติ์สำนวนนี้สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงพระราชนิพนธ์ไว้เพียง 4 ตอนโดยทรง พระราชนิพนธ์ไม่เรียงตามลำดับเรื่อง คือ ตอนพระมงกุฎหนุมานเกี้ยวนางวานรินจนถึงท้าว มาลี วราชเสด็จมาท้าวมาลีวราชว่าความจนถึงทศกัณฐ์เข้าเมือง และตอนทศกัณฐ์ตั้งพิธีทรายกรดและพระลักษณ์ต้องหอกกบิลพัทจนถึงหนุมานผูกผมนางมณโฑกับทศกัณฐ์
1. บทละครรามเกียรติ์ในรัชกาลที่ 1 ในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ทรงมีพระราชประสงค์จะรวบรวมเรื่องรามเกียรติ์ที่กระจัดกระจายให้รวมเป็นเรื่องเดียวกันจึงมีพระบรมราชโองการให้ประชุมบทละครเรื่องรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ในรัชกาลที่ 1 มีเรื่องราวยืดยาวติดต่อกันไปนับเป็นวรรณคดีไทยเรื่องเดียวที่ยาวที่สุดในวรรณกรรมไทย เพราะต้องเขียนในสมุดไทยถึง 117 เล่มสมุดไทย
2. บทละครรามเกียรติ์ในรัชกาลที่ 2 เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ทรงเห็นว่าบทพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ในรัชกาลที่ 1 เยิ่นเย้อเกินไปไม่เหมาะสำหรับนำมาเล่นโขนพระองค์จึงทรงคัดเลือกเอาเรื่องรามเกียรติ์บางตอนคือตั้งแต่หนุมานถวายแหวนไปจนถึงทศกัณฐ์ล้มมาแต่งขึ้นใหม่สำหรับเล่นโขนหลวงเป็นหนังสือ 36 เล่มสมุดไทย
3. บทละครรามเกียรติ์ในรัชกาลที่ 4 ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ขึ้นอีกสำนวนหนึ่งคือ ตอน “ พระรามเดินดง ” เป็นหนังสือ 4 เล่มสมุดไทย และทรงพระราชนิพนธ์แปลงบทละครเบิกโรงเรื่อง “ นารายณ์ปราบนนทุก ” กับเรื่อง “ พระรามเข้าสวนพระพิราพ” ขึ้นอีก 2 ตอน
4. บทร้อง และบทพากย์รามเกียรติ์ในรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ทรงค้นคว้าศึกษาที่มาของเรื่องรามเกียรติ์ จากคัมภีร์รามายณะของฤาษีวาลมิกิแล้วทรงพระราชนิพนธ์หนังสือ “ บ่อเกิดแห่งรามเกียรติ์ ” ขึ้นและได้ทรงพระราชนิพนธ์บทร้อง และบทพากย์สำหรับเล่นโขนขึ้นอีก 6 ชุด คือ ชุดสีดาหายชุดเผาลงกา ชุดพิเภกถูกขับ ชุดจองถนน ชุดประเดิมศึกลงกา และชุดนาคบาศ
บทพระราชนิพนธ์เหล่านี้ทรงดำเนินเรื่องตามคัมภีร์รามายณะของฤาษีวาลมิกิโดยได้ทรงชี้แจงว่า “ บทละครเรื่องรามเกียรติ์ที่รวมอยู่ในเล่มนี้เป็นบทที่ข้าพเจ้าได้แต่งขึ้นเป็นครั้งคราวสำหรับเล่นโขนมิได้ตั้งใจที่จะให้เป็นหนังสือกวีนิพนธ์สำหรับอ่านเพราะๆหรือดำเนินเรื่องราวติดต่อกันบทเหล่านี้ได้แต่งขึ้นสำหรับความสะดวกในการเล่นโขนโดยแท้จึงมีทั้งคำกลอนอันเป็นบทร้อง ทั้งบทพากย์และเจรจาอย่างโขนระคนกันอยู่ตามแต่จะเหมาะแก่การเล่นออกโรงจริง… ”
ขนบในการแสดงโขน ไม่นิยมให้จบลงด้วยการพ่ายแพ้ของฝ่ายพระรามถ้ามีเรื่องพระลักษณ์ต้องอาวุธสลบ ต้องแสดงต่อไปโดยแก้ไขให้ฟื้น จึงเลิกแสดงได้แต่ตัวละครฝ่ายยักษ์อาจตายตอนจบได้ไม่เสียหายอะไร นอกจากทศกัณฐ์มักไม่นิยมแสดงตอนทศกัณฐ์ล้ม เพราะเชื่อกันว่าจะเกิดภัยพิบัติแก่บ้านเมือง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น